สำหรับน้องๆที่อยากเรียนพยาบาลคะ
ชีวิตพยาบาล
ผู้เข้าชมรวม
4,497
ผู้เข้าชมเดือนนี้
13
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ชีวิตพยาบาลเกื้อการุณย์
สวัสดีคะ น้องๆ สำหรับใครที่สนใจหรืออยากก้าวเข้ามาสู่วิชาชีพ อันทรงเกียรตินี้นะคะ
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยนะค่ะ โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่อยากเรียน
หรือว่า
"อยากเป็นพยาบาลมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้วคะ"
แต่จุดเปลี่ยนและความฝันมันเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาค่ะ
ใครจะคิดล่ะคะว่า เด็กหญิงที่มีความใฝ่ฝันตอนเด็กว่าอยากเป็นนักกระโดดร่ม
สุดท้ายจะมาเป็นพยาบาล ซะได้
ช่างแตกต่างกันมากใช่มั้ยล่ะ
แต่ปี 1 ต้องซ้อมเชียร์ สวดมนต์ตอนเย็นทุกวันจันทร์ มีเรียน lab วิทยาศาสตร์ฝุดๆ
ปี 2 จะเป็นการเข้าสู่บทบาทการพยาบาลมากขึ้น เรียนรู้เทคนิคการทำหัตถการต่างๆ ไม่ว่า จะเป็น การฉีดยา ขอบอกว่าฉีดกันเองนะจ้ะ เช็ดตัว ใส่สายสวนปัสสาวะ ใส่สายให้อาหารทางรูจมูก การคำนวณการฉีดยาต่างๆ ปีนี้ เราก็จะเริ่มฝึกงานกันเลย
บางคนก็ขึ้นฝึกงานในชุดฟอร์มสีขาวโดยที่ยังไม่มีหมวกกันด้วยซ้ำค่ะ
ความรู้สึกที่ขึนฝึกงานครั้งแรก บอกตรงๆว่า กลัว และ เครียดมาก เพราะเราไม่เคยไปเจอคนไข้ที่นอนเรียงกัน 30 เตียงแบบนี้มาก่อน แต่ก่อนจะขึ้นฝึกเราจะมีการขึ้นไปราววอร์ด(หอผู้ป่วย)ก่อนนะคะ คือการ แนะนำวอร์ด ว่าวอร์ดนี้มีขั้นตอนการทำงานอย่างไร เวลาไหนต้องทำอะไร และของต่างๆที่เราจำเป็นต้องใช้อะไร อยู่ตรงไหน และก่อนขึ้นฝึกงาน 1 วัน อาจารย์จะเป็นผู้มอบหมายว่า เราจะได้ดูแลผู้ป่วยคนใดค่ะ โดยอาจารย์จะเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสม และอยู่ภายใต้ขอบเขตการดูเเลของอาจารย์อีกทีคะ
(แต่ในปี 2 จะมีพิธีอันศักดิ์ของเหล่าพยาบาล นั่นคือ พิธีรับหมวก เดินเทียน คือการมอบหมวก เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ของวิชาชีพเราคะ แต่จะยังไม่มีเเถบสีดำนะคะ อันนั้นเราจะรับเเถบตอนที่เรียนจบชั้นปีที่ 4 อีกทีนึงคะ)
เเรกๆเราก็จะกล้าๆกลัวๆคะ ไม่กล้าคุยกับคนไข้ ยิ่งในคนไข้ที่ไม่ค่อยพูด เรายิ่งรู้สึกหงอยเหงา แต่ในคนไข้ที่อารมณ์ดี เฟรนรี่ ก็นะ รักเราอย่างกับลูกเลย แต่ยอมรับนะว่ากว่าจะผ่านพ้นปี 2 รู้สึกชีวิตโหด เพราะไหนจะฝึกงาน ไหนจะสอบ เสาร์อาทิตย์เเทบไม่ได้กลับบ้านกันเลยทีเดียว ไม่ได้หมายความว่ากลับบ้านไม่ได้นะคะ เสาร์อาทิตย์ กลับบ้านได้ แต่ถ้าใครอยากอยู่การหนังสือที่หอก็ได้คะ บรรยากาศดี มองไปทางไหนก็จะเจอแต่คนอ่านหนังสือ ชีวิตเด็กเรียนก็งี้คะ แต่ใครที่จัดการกับชีวิตตัวเองได้ดี ก็ไม่ต้องกังวลคะ ลั่นนล๊าได้ตามสบาย สอบผ่านเป็นพอแต่ต้องเก็บความรู้่ไว้ดีๆนะคะ เพราะยังไง ปี 3 ก็ต้องใช้ต่อ และต้องใช้ต่อไปเรื่อยๆคะ
สำหรับปี 3 ถือว่า ชีวิตชิล ขึ้นมานิดนึง เพราะเริ่มปรับตัวได้ เริ่มฝึกปฏิบัติงานแบบไม่ต้องมีอาจารย์
แต่อยู่กับพี่ๆที่วอร์ดแทน มีการขึ้นเวร
บ่าย ดึก เวรบ่าย คือ (16.00 - 24.00) เวรดึก (00.01-8.00) เราจะเริ่มค่อยๆฝึกการอยู่เวรตอนกลางคืน เวรดึกเป็นอะไรที่ทรมานมากเพราะเป็นช่วงปกติที่เรานอนมาตลอด แต่ถ้าเป็นเวรบ่ายก็ยังได้อยู่ เพราะปกติ วัยรุ่นกว่าจะนอน เล่นเน็ตดูซีรีย์ก็ปาไปเที่ยงคืน ตีหนึ่งแล้ว ปีสามจะเป็นการฝึกงานเฉพาะทางมากขึ้น เช่น ห้องผ่าตัด ไอซียู สูติ เด็ก ฝึกบริหาร วิชาก็จะเจาะลึกและละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ค่อยๆเรียนไปคะ สำหรับตัวเองคิดว่า ปี สาม สบายกว่า ปี 2 นะ เพราะมีเข้าค่ายออกต่างจังหวัด ทัศนศึกษาบ้าง คลายเครียดคะ
และในปีสุดท้าย ปี 4 ชีวิตชิล สุด ๆ ผ่านอะไรมาเยอะ คราวนี้ จะได้ฝึกการทำคลอด ออกชุมชน ทำกิจกรรมกับชุมชน ประสานงานต่างๆ ออกสู่โลกภายนอกมากขึ้น และในช่วงท้าย เราจะได้ไปฝึกปฏิบัติงานตามสาขาที่เราเลือก ว่าเราชอบด้านไหนก็จะได้ไปฝึกด้านนั้น
แต่เมื่อถึงวันที่เรียนจบทำงาน เลือกเส้นทางการทำงานก็เป็นอีกจุดเปลี่ยนนึงของชีวิตนะคะ บางทีเราอาจต้องเลือกในสิ่งที่ชอบมากกว่าสิ่งที่ใช่ หรือ เลือกเพราะจำใจอะไรก็ตามแต่ แต่จงรู้ไว้อย่างนึงว่า
งาน คือ สิ่งที่เราต้องทำทุกวัน ต้องอยู่กับมันทุกวัน ถ้าเราทำแล้วไม่มีความสุขหรือรู้สึกท้อแท้
นั่นจะมีประโยชน์อะไรกับการที่ต้องตื่นลืมตาขึ้นมาทุกวันแล้วไม่พบความสุขเลย
จบมาแล้วชีวิตก็ต้องปรับตัวอีกนะคะทั้งกับงานและเพื่อนร่วมงาน
สู้ๆคะ
สำหรับใครที่อยากเป็นพยาบาล ขอบอกอย่างนึงว่า
พยาบาลเป็นวิชาชีพที่ต้องใช้ความอดทนสูง
ทั้งการทำงานและสภาวะแวดล้อมต่างๆ
สามารถที่ควบคุมอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองให้ได้ เพราะประชาชนคาดหวังสูงค่ะ
ทุกๆประโยคที่พิมพ์มานี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ไม่ได้ตั้งใจพาดพิงบุคคลใด แต่อย่างใด นะคะ
หากมีถ้อยคำไม่สุภาพหรือดูหมิ่นต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยคะ
ติดตาม ได้ที่ FB : chaba songsub
ผลงานอื่นๆ ของ วงกลมสีน้ำ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ วงกลมสีน้ำ
ความคิดเห็น